วันนี้ (15 ส.ค.2567) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วม
วันนี้ 24 ก.พ.2566 ที่ชุมชนปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงเปิดนโยบาย “สิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า” ซึ่งเป็นชุดนโยบายที่ 7 จากทั้งหมด 9 ชุดนโยบาย การเปิดนโยบายครั้งนี
แรงงานเตรียมฟ้องศาลปกครองกรณีค่าจ้าง 300 บาท เครือข่ายผู้ใช้แรงงานเตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง หากไม่ได้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศ ตามที่รัฐบาลเคยหาเสียงไว้ ภายในเดือนมกราคม 2555 แรงงานเตรียมฟ้องศาลปกครองกรณีค่าจ้าง 300 บาท นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในการสัมมนานโยบายค่าจ้าง แนวคิดร่วมสมัย มุมมองและประสบการณ์ ว่าการใช้คำว่ารายได้วันละ 300 บาท ในการแถลงนโยบายแทนคำว่าค้าจ้างขั้นต่ำ ไม่ได้เป็นการผิดสัญญาตามที่ได้ให้ไว้ตอนหาเสียง แต่ถือเป็นเจตนาดีที่รัฐบาลต้องการให้ครอบคลุมแรงงานที่รับงานมาทำที่บ้าน และแรงงานภาคเกษตรกรรม ส่วนการปรับขั้นค่าจ้างขั้นต่ำนั้นจะดำเนินการในทันทีเห็นได้จากการเตรียมปรับขึ้นค่าแรงนำร่องใน 7 จังหวัดที่มีค่าจ้างขั้นต่ำใกล้เคียงกับ 300 บาท ตามที่เคยได้ประกาศไปแล้วเช่น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรสาคร และภูเก็ต ภายในเดือนมกราคมปี 2555 นี้ ส่วนจังหวัดที่เหลือจะปรับขึ้นร้อยละ 40 ตามความเหมาะสม โดยระหว่างการพิจารณาปรับขึ้นจะมีการเสนอมาตรการอื่นๆเข้ามาช่วยเหลือ เช่น การปรับลดภาษีให้กับนายจ้าง ขณะที่นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงงานไทย ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าจ้างแบบนำร่องใน 7 จังหวัด โดยในวันที่ 7 ตุลาคมนี้จะเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามความชัดเจนในนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และหากภายในเดือนมกราคมยังไม่มีการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศ ทางเครือข่ายผู้ใช้แรงงานก็จะรวบรวมรายชื่อประมาณ 5 ล้านรายชื่อ เพื่อยื่นฟ้องศาลปกครองว่ารัฐบาลไม่ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ อย่างไรก็ตามประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยบอกอีกว่า สาเหตุที่เครือข่ายผู้ใช้แรงงานต้องออกมาเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศนั้น เป็นเพราะค่าครองชีพในบางจังหวัดที่ไม่ได้รับการปรับขึ้นให้ถึง 300 บาท เกินกว่า 300 บาทไปแล้ว เช่นจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดที่ได้รับการปรับขึ้น อย่างเช่น สมุทรปราการ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในการสัมมนานโยบายค่าจ้าง แนวคิดร่วมสมัย มุมมองและประสบการณ์ ว่าการใช้คำว่ารายได้วันละ 300 บาท ในการแถลงนโยบายแทนคำว่าค้าจ้างขั้นต่ำ ไม่ได้เป็นการผิดสัญญาตามที่ได้ให้ไว้ตอนหาเสียง แต่ถือเป็นเจตนาดีที่รัฐบาลต้องการให้ครอบคลุมแรงงานที่รับงานมาทำที่บ้าน และแรงงานภาคเกษตรกรรม ส่วนการปรับขั้นค่าจ้างขั้นต่ำนั้นจะดำเนินการในทันทีเห็นได้จากการเตรียมปรับขึ้นค่าแรงนำร่องใน 7 จังหวัดที่มีค่าจ้างขั้นต่ำใกล้เคียงกับ 300 บาท ตามที่เคยได้ประกาศไปแล้วเช่น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรสาคร และภูเก็ต ภายในเดือนมกราคมปี 2555 นี้ ส่วนจังหวัดที่เหลือจะปรับขึ้นร้อยละ 40 ตามความเหมาะสม โดยระหว่างการพิจารณาปรับขึ้นจะมีการเสนอมาตรการอื่นๆเข้ามาช่วยเหลือ เช่น การปรับลดภาษีให้กับนายจ้าง ขณะที่นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงงานไทย ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าจ้างแบบนำร่องใน 7 จังหวัด โดยในวันที่ 7 ตุลาคมนี้จะเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามความชัดเจนในนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และหากภายในเดือนมกราคมยังไม่มีการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศ ทางเครือข่ายผู้ใช้แรงงานก็จะรวบรวมรายชื่อประมาณ 5 ล้านรายชื่อ เพื่อยื่นฟ้องศาลปกครองว่ารัฐบาลไม่ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ อย่างไรก็ตามประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยบอกอีกว่า สาเหตุที่เครือข999 gclub่ายผู้ใช้แรงงานต้องออกมาเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศนั้น เป็นเพราะค่าครองชีพในบางจังหวัดที่ไม่ได้รับการปรับขึ้นให้ถึง 300 บาท เกินกว่า 300 บาทไปแล้ว เช่นจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดที่ได้รับการปรับขึ้น อย่างเช่น สมุทรปราการ
แรงงานเตรียมฟ้องศาลปกครองกรณีค่าจ้าง 300 บาท เครือข่ายผู้ใช้แรงงานเตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง หากไม่ได้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศ ตามที่รัฐบาลเคยหาเสียงไว้ ภายในเดือนมกราคม 2555