ความคืบหน้ากรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เปิด

วันนี้ (4 ก.พ.2565) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์รายการ "มุมการเมือง"ทาง ไทยพีบีเอส ถึงกรณีการถูกตรวจสอบกรณีที่กรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิช
วันนี้ (20 มิ.ย.2565) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก ทบ.ระบุถึงการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ได้กล่าวย้ำในที่ประชุมถึงกรณีที่กองทัพบกได้มีมาตรการห้ามหน
วันนี้ (30 พ.ค.2568) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานในที่ประชุม วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายงบกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตั้งหัวข้อว่า "งบปลวก กินหนังสือ" ที่มีการตั้งงบประมาณซื้อหนังสือให้โรงเรียนในสังกัดปีละ 9,000 ล้านบาท หากนับเฉพาะโรงเรียนในสังกัด สพฐ. แต่ละปีงบซื้อหนังสือปีละกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2569 ได้รับการจัดสรรงบ 5,057 ล้านบาท แบ่งเป็นหนังสือเรียนจากสำนักพิมพ์เอกชน 3,000 ล้านบาท และหนังสือเรียนฉบับกระทรวง 2,000 ล้านบาท โดยการพิมพ์หนังสือของสังกัด สพฐ. มีส่วนต่างค่าจ้างพิมพ์กับหนังสือที่ขาย โดยองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จะมีส่วนต่างจากการพิมพ์ 1,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งเงินในจำนวนนี้คุ้มหรือไม่ หมายถึง สกสค. มีรายได้เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากส่วนเกินในการขายหนังสือ แต่มองในแง่งบของรัฐ คือรัฐจะต้องจ่ายเงินค่าหนังสือเรียนจากภาษีของประชาชนแพงขึ้น 1,000 ล้านบาท นายธีรัจชัย กล่าวไล่เรียงเพิ่มเติมถึงต้นทุนที่ให้ สกสค. ตัวกลางการบริหารจัดการจัดทำหนังสือ ที่มีส่วนเกินปีละ 1,000 ล้านบาทจากการขายหนังสือราคาปก แต่รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย เหลือ 247 ล้านบาทเท่านั้น แต่ สกสค. ไม่ได้ขายหรือส่งหนังสือ แต่เป็นนายหน้าค้ากำไรเอง โดยปล่อยให้ตัวแทนจำหน่าย 12 รายขายหนังสือแทน และยังทำส่วนลดตัวแทนจำหน่ายสูงถึงร้อยละ 18-30 ของราคาปก หรือราคายอดขายจะอยู่ที่ 360 ล้าน - 600 ล้านบาท/ปี ถามเหตุผลว่าจำเป็นที่ต้องตั้งส่วนลดให้ตัวแทนจำหน่ายสูงขนาดนี้ สกสค. ทำไปเพื่อ ? รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งเป็นประธาน บอร์ด สกสค. ปล่อยให้ทำไปเพื่ออะไร ถ้าเปลี่ยนให้ สพฐ. หรือ สสวท. จ้างพิมพ์เองแล้วให้ตัวแทนจำหน่ายขายแทนก็ได้ ไม่ต้องเสียค่าบริหารอีกต่อไป แบบ สกสค. ที่ทำอยู่ ไม่ดีกว่าหรือ นายธีรัจชัยกล่าว นายธีรัจชัยยังถามถึงการประกวดราคาจัดพิมพ์หนังสือเรียน มีปลวกกินได้อย่างไร ซึ่ง สกสค. มีการกำหนด TOR กีดกันไม่ให้คู่แข่งรายใหม่เข้าแข่งขันกับเจ้าประจำที่ได้งานมานานหลาย 10 ปี ผ่านการฮั้วราคาล็อกสเปก ให้เจ้าเดิมเป็นเสือนอนกินมาตลอด คนที่ต้องแบกรับคือรัฐ เสียงบที่มาจากภาษีประชาชน ซื้อหนังสือเรียนแพงกว่าที่ควรจะเป็น และไม่มีคุณภาพ ซึ่งรัฐมนตรีก็รู้ดี พร้อมยกข่าวการฮั้วล็อกสเปกจัดทำหนังสือเรียนปี 2556 ที่โรงพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่งหน้าใหม่เข้ารับงานแข่งขัน แต่โดนกีดกันจากสเปก TOR ไม่ให้แข่งขันกับรายเดิม จนมีการร้องเรียนไปยังศาลปกครอง และสุดท้ายศาลยืนยันไม่ให้มีการกีดกันการประกวดราคา แต่เมื่อเข้าแข่งขัน ได้มีการกำหนดสเปกกระดาษที่พิสดารล้ำลึก เฉพาะเจาะจง ซึ่งผู้ผลิตกระดาษดังกล่าวมีเพียงเจ้าเดียวจากอินโดนีเซียเท่านั้น พร้อมกันนี้ได้นำกระดาษมาโชว์ในที่ประชุมสภาด้วย ซึ่งกระดาษที่ขายในไทย 70 แกรห์มกิโลกรัมละ 30 บาท ขณะที่กระดาษจากอินโดนีเซีย 80 แกรห์มกิโลกรัมละ 40 บาท และรายละเอียดในการประกวดราคาพบว่าโรงพิมพ์รายเดิมมีการเสนอราคาส่อฮั้ว แต่เมื่อรัฐมนตรีเข้ามา มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีการประกวดราคาจาก E-Bidding เป็นการคัดเลือก โดยอ้างอิงข้อมูล TOR การฮั้วราคากว่า 115 รายการ ทำให้มีการพิมพ์หนังสือเรียนแพงขึ้นกว่า 100 ล้านบาท ปี 2567 ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ทำหนังสือถึง สกสค. ว่าการประกวดราคาแบบแบ่งกลุ่ม ขัดต่อหลักการตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง ของกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างการบริหารงานภาครัฐปี 2560 และปี 2568 ยังมีปัญหากันกีดกันจะซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส จนยกเลิก TOR ในรอบแรก สรุป สกสค. มีความจำเป็นอะไรที่ต้องพยายามอย่างมาก ไม่ให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม ทั้งที่การแข่งขันจะทำให้รัฐประหยัดงบได้และได้หนังสือที่มีfifa ทาง เข้า joker777คุณภาพ ประเด็นสุดท้ายเรื่องการควบคุมคุณภาพปกหนังสือ ซึ่ง สกสค. มีการแยกพิมพ์ระหว่าง "ตัวหนังสือกับปกหนังสือ" ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับโรงพิมพ์หากส่งไม่ครบ แล้วจะนำไปถูกอ้างเรื่องส่งหนังสือไม่ครบตามสัญญา ซึ่งหากตีตามสัดส่วนในแต่ละปี สกสค. จะโดนโกงคิดได้ 30 ล้าน - 40 ล้านบาท/ปี ซึ่งมีการส่งจดหมายร้องเรียนไปยัง รมว.ศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ แต่จนถึงวันนี้ไม่มีการจัดการโรงพิมพ์เหล่านี้ และจนถึงขณะนี้ก็ยังคงรับงาน นายธีรัจชัย ถามเหตุผลความจำเป็นที่ให้ สกสค. ทำหน้าที่จัดพิมพ์หนังสือต่อไป เมื่อการขายหนังสือไม่ได้เป็นรายได้ของรัฐหรือแผ่นดิน และการบริหารโดย สกสค. ไม่ได้ทำให้รัฐได้ประโยชน์ ยังทำให้เสียงบประมาณแพงเกินกว่า 1,000 ล้านบาท เช่นนี้ หากรัฐให้หาตัวแทนจำหน่ายเองหรือจัดซื้อหนังสือจากเอกชนที่พิมพ์หนังสือแต่ละหลักสูตร จะเป็นประโยชน์กว่าหรือไม่ และการกระทำของ สกสค. ขัดกับมติ ครม.ปี 2516 ที่ระบุว่า จะต้องไม่เป็นไปส่งงานพิมพ์ให้เอกชนรับช่วงต่อในลักษณะนายหน้าค้ากำไร ดูเหมือนจะเป็นการที่ สกสค. นั้นทำอยู่ในขณะนี้ รัฐอาจประหยัดงบได้ถึง 1,000 ล้านบาท หากรัฐจ้างพิมพ์และส่งเองไม่ผ่านตัวกลาง การประกวดราคาจริงไม่ล็อก TOR ผู้ชนะได้เสนอราคาสูงสุดและราคาถูกลงร้อยละ 15 จากราคากลาง ประหยัดได้ถึง 150 ล้านบาท กำหนดราคากลางลดลงตามราคากระดาษที่ลดลงประหยัดได้ถึง 150 ล้านบาท ไม่เสียค่าโง่ปก ปีละ 40 ล้านบาท เปลี่ยนจากตัวแทนจำหน่ายเป็นจ้างพิมพ์หนังสือให้โรงเรียนประหยัดได้ถึง 360-600 ล้านบาท ถ้าทำอย่างนี้ไม่ต้องให้ สกสค. เป็นผู้บริหารจัดการจ้างพิมพ์หนังสือเอง รัฐประหยัดเงินได้รับ 1,000 ล้านบาทและเสนอให้กรรมาธิการวิสามัญเสนอตัดงบตรงนี้ และขอให้ รมว.ศึกษาธิการ ไปจัดการทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส อย่าให้ต้องมีการอภิปรายอีกในสภาแห่งนี้ นายธีรัจชัยกล่าว อ่านข่าวอื่น : เตือนพื้นที่เสี่ยงริมน้ำ เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ 1,050 ลบ.ม./วินาที ไอเดียกระฉูด “ทักษิณ” ปราบยา- ว้าแดง คิดได้แต่ทำยาก
วันนี้ (30 พ.ค.2568) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่
วันนี้ (15 ก.พ.2567) ที่อาคารสัมมนาและฝึกอบรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิท
วันนี้ (30 ต.ค.2566) นายทักษิต เรียบร้อย นายกสโมสรนักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหา
วันนี้ (30 พ.ค.2568) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานในที่ประชุม วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายงบกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตั้งหัวข้อว่า "งบปลวก กินหนังสือ" ที่มีการตั้งงบประมาณซื้อหนังสือให้โรงเรียนในสังกัดปีละ 9,000 ล้านบาท หากนับเฉพาะโรงเรียนในสังกัด สพฐ. แต่ละปีงบซื้อหนังสือปีละกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2569 ได้รับการจัดสรรงบ 5,057 ล้านบาท แบ่งเป็นหนังสือเรียนจากสำนักพิมพ์เอกชน 3,000 ล้านบาท และหนังสือเรียนฉบับกระทรวง 2,000 ล้านบาท โดยการพิมพ์หนังสือของสังกัด สพฐ. มีส่วนต่างค่าจ้างพิมพ์กับหนังสือที่ขาย โดยองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จะมีส่วนต่างจากการพิมพ์ 1,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งเงินในจำนวนนี้คุ้มหรือไม่ หมายถึง สกสค. มีรายได้เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากส่วนเกินในการขายหนังสือ แต่มองในแง่งบของรัฐ คือรัฐจะต้องจ่ายเงินค่าหนังสือเรียนจากภาษีของประชาชนแพงขึ้น 1,000 ล้านบาท นายธีรัจชัย กล่าวไล่เรียงเพิ่มเติมถึงต้นทุนที่ให้ สกสค. ตัวกลางการบริหารจัดการจัดทำหนังสือ ที่มีส่วนเกินปีละ 1,000 ล้านบาทจากการขายหนังสือราคาปก แต่รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย เหลือ 247 ล้านบาทเท่านั้น แต่ สกสค. ไม่ได้ขายหรือส่งหนังสือ แต่เป็นนายหน้าค้ากำไรเอง โดยปล่อยให้ตัวแทนจำหน่าย 12 รายขายหนังสือแทน และยังทำส่วนลดตัวแทนจำหน่ายสูงถึงร้อยละ 18-30 ของราคาปก หรือราคายอดขายจะอยู่ที่ 360 ล้าน - 600 ล้านบาท/ปี ถามเหตุผลว่าจำเป็นที่ต้องตั้งส่วนลดให้ตัวแทนจำหน่ายสูงขนาดนี้ สกสค. ทำไปเพื่อ ? รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งเป็นประธาน บอร์ด สกสค. ปล่อยให้ทำไปเพื่ออะไร ถ้าเปลี่ยนให้ สพฐ. หรือ สสวท. จ้างพิมพ์เองแล้วให้ตัวแทนจำหน่ายขายแทนก็ได้ ไม่ต้องเสียค่าบริหารอีกต่อไป แบบ สกสค. ที่ทำอยู่ ไม่ดีกว่าหรือ นายธีรัจชัยกล่าว นายธีรัจชัยยังถามถึงการประกวดราคาจัดพิมพ์หนังสือเรียน มีปลวกกินได้อย่างไร ซึ่ง สกสค. มีการกำหนด TOR กีดกันไม่ให้คู่แข่งรายใหม่เข้าแข่งขันกับเจ้าประจำที่ได้งานมานานหลาย 10 ปี ผ่านการฮั้วราคาล็อกสเปก ให้เจ้าเดิมเป็นเสือนอนกินมาตลอด คนที่ต้องแบกรับคือรัฐ เสียงบที่มาจากภาษีประชาชน ซื้อหนังสือเรียนแพงกว่าที่ควรจะเป็น และไม่มีคุณภาพ ซึ่งรัฐมนตรีก็รู้ดี พร้อมยกข่าวการฮั้วล็อกสเปกจัดทำหนังสือเรียนปี 2556 ที่โรงพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่งหน้าใหม่เข้ารับงานแข่งขัน แต่โดนกีดกันจากสเปก TOR ไม่ให้แข่งขันกับรายเดิม จนมีการร้องเรียนไปยังศาลปกครอง และสุดท้ายศาลยืนยันไม่ให้มีการกีดกันการประกวดราคา แต่เมื่อเข้าแข่งขัน ได้มีการกำหนดสเปกกระดาษที่พิสดารล้ำลึก เฉพาะเจาะจง ซึ่งผู้ผลิตกระดาษดังกล่าวมีเพียงเจ้าเดียวจากอินโดนีเซียเท่านั้น พร้อมกันนี้ได้นำกระดาษมาโชว์ในที่ประชุมสภาด้วย ซึ่งกระดาษที่ขายในไทย 70 แกรห์มกิโลกรัมละ 30 บาท ขณะที่กระดาษจากอินโดนีเซีย 80 แกรห์มกิโลกรัมละ 40 บาท และรายละเอียดในการประกวดราคาพบว่าโรงพิมพ์รายเดิมมีการเสนอราคาส่อฮั้ว แต่เมื่อรัฐมนตรีเข้ามา มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีการประกวดราคาจาก E-Bidding เป็นการคัดเลือก โดยอ้างอิงข้อมูล TOR การฮั้วราคากว่า 115 รายการ ทำให้มีการพิมพ์หนังสือเรียนแพงขึ้นกว่า 100 ล้านบาท ปี 2567 ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ทำหนังสือถึง สกสค. ว่าการประกวดราคาแบบแบ่งกลุ่ม ขัดต่อหลักการตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง ของกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างการบริหารงานภาครัฐปี 2560 และปี 2568 ยังมีปัญหากันกีดกันจะซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส จนยกเลิก TOR ในรอบแรก สรุป สกสค. มีความจำเป็นอะไรที่ต้องพยายามอย่างมาก ไม่ให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม ทั้งที่การแข่งขันจะทำให้รัฐประหยัดงบได้และได้หนังสือที่มีfifa ทาง เข้า joker777คุณภาพ ประเด็นสุดท้ายเรื่องการควบคุมคุณภาพปกหนังสือ ซึ่ง สกสค. มีการแยกพิมพ์ระหว่าง "ตัวหนังสือกับปกหนังสือ" ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับโรงพิมพ์หากส่งไม่ครบ แล้วจะนำไปถูกอ้างเรื่องส่งหนังสือไม่ครบตามสัญญา ซึ่งหากตีตามสัดส่วนในแต่ละปี สกสค. จะโดนโกงคิดได้ 30 ล้าน - 40 ล้านบาท/ปี ซึ่งมีการส่งจดหมายร้องเรียนไปยัง รมว.ศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ แต่จนถึงวันนี้ไม่มีการจัดการโรงพิมพ์เหล่านี้ และจนถึงขณะนี้ก็ยังคงรับงาน นายธีรัจชัย ถามเหตุผลความจำเป็นที่ให้ สกสค. ทำหน้าที่จัดพิมพ์หนังสือต่อไป เมื่อการขายหนังสือไม่ได้เป็นรายได้ของรัฐหรือแผ่นดิน และการบริหารโดย สกสค. ไม่ได้ทำให้รัฐได้ประโยชน์ ยังทำให้เสียงบประมาณแพงเกินกว่า 1,000 ล้านบาท เช่นนี้ หากรัฐให้หาตัวแทนจำหน่ายเองหรือจัดซื้อหนังสือจากเอกชนที่พิมพ์หนังสือแต่ละหลักสูตร จะเป็นประโยชน์กว่าหรือไม่ และการกระทำของ สกสค. ขัดกับมติ ครม.ปี 2516 ที่ระบุว่า จะต้องไม่เป็นไปส่งงานพิมพ์ให้เอกชนรับช่วงต่อในลักษณะนายหน้าค้ากำไร ดูเหมือนจะเป็นการที่ สกสค. นั้นทำอยู่ในขณะนี้ รัฐอาจประหยัดงบได้ถึง 1,000 ล้านบาท หากรัฐจ้างพิมพ์และส่งเองไม่ผ่านตัวกลาง การประกวดราคาจริงไม่ล็อก TOR ผู้ชนะได้เสนอราคาสูงสุดและราคาถูกลงร้อยละ 15 จากราคากลาง ประหยัดได้ถึง 150 ล้านบาท กำหนดราคากลางลดลงตามราคากระดาษที่ลดลงประหยัดได้ถึง 150 ล้านบาท ไม่เสียค่าโง่ปก ปีละ 40 ล้านบาท เปลี่ยนจากตัวแทนจำหน่ายเป็นจ้างพิมพ์หนังสือให้โรงเรียนประหยัดได้ถึง 360-600 ล้านบาท ถ้าทำอย่างนี้ไม่ต้องให้ สกสค. เป็นผู้บริหารจัดการจ้างพิมพ์หนังสือเอง รัฐประหยัดเงินได้รับ 1,000 ล้านบาทและเสนอให้กรรมาธิการวิสามัญเสนอตัดงบตรงนี้ และขอให้ รมว.ศึกษาธิการ ไปจัดการทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส อย่าให้ต้องมีการอภิปรายอีกในสภาแห่งนี้ นายธีรัจชัยกล่าว อ่านข่าวอื่น : เตือนพื้นที่เสี่ยงริมน้ำ เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ 1,050 ลบ.ม./วินาที ไอเดียกระฉูด “ทักษิณ” ปราบยา- ว้าแดง คิดได้แต่ทำยาก
วันนี้ (1 ก.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เวลา 10.00 น.คณะทำงานชุดปฏิบัติการด้านสารเคมีและวัตถ